เกาหลีใต้เตรียมปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมเหล็ก เพื่อลดภาวะล้นตลาดและเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน

05 พฤศจิกายน 2568
เกาหลีใต้เตรียมปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมเหล็ก เพื่อลดภาวะล้นตลาดและเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน

รัฐบาลเกาหลีใต้ได้เปิดเผยแผนที่นำทาง (Road Map) เพื่อปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมเหล็กภายในประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดภาวะอุปทานส่วนเกินของผลิตภัณฑ์เหล็กบางประเภท และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันในอนาคต กระทรวงการค้า อุตสาหกรรม และพลังงาน (Ministry of Trade, Industry and Resources) ของเกาหลีใต้ ระบุเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายนว่า แผนดังกล่าวอยู่ภายใต้โครงการ “Steel Industry Advancement Plan”

ภายใต้แผนนี้ รัฐบาลได้กำหนดแนวทางหลัก 4 ด้าน ได้แก่ 1) การปรับโครงสร้างกำลังการผลิตของโรงงาน (Facility Adjustments) 2) การรับมือด้านการค้า (Trade Responses) 3) การพัฒนาไปสู่ผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงและการผลิตคาร์บอนต่ำ (High Value-added & Low-carbon Transitions) และ 4) การส่งเสริมความร่วมมือแบบได้ประโยชน์ร่วมกัน (Expanded Win-win Cooperation)

สำหรับแผนการปรับโครงสร้างกำลังการผลิต (Facility Adjustments) กระทรวงฯ ระบุว่า รัฐบาลได้กำหนด “หลักการ 3 ประการ” สำหรับการปรับขนาดโรงงานผลิตเหล็ก ดังนี้

ประการแรก: รัฐบาลจะให้การสนับสนุนบริษัทที่มีแผนปรับขนาดการผลิตในกลุ่มสินค้าที่ความสามารถในการแข่งขันลดลงและมีภาวะล้นตลาดรุนแรง เช่น เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ (structural steel) และท่อเหล็ก (pipes)

ประการที่สอง: สำหรับสินค้าที่ตลาดไม่สามารถปรับตัวได้ด้วยตนเอง และมีสัดส่วนการนำเข้าจากต่างประเทศต่ำ เช่น เหล็กเส้นเสริมคอนกรีต (Rebar) รัฐบาลจะสร้างเงื่อนไขเอื้อให้เกิดการปรับโครงสร้างทางธุรกิจโดยสมัครใจ

ประการที่สาม: สำหรับสินค้าที่คาดว่าจะยังคงมีความสามารถในการแข่งขัน และมีภาวะอุปทานที่เอื้ออำนวย เช่น เหล็กแผ่นไฟฟ้า (Electrical Steel Sheets) และเหล็กพิเศษ (Special Steels) รัฐบาลจะส่งเสริมให้มีการลงทุนเชิงรุก

นอกจากนี้ สำหรับสินค้าที่มีภาวะล้นตลาดอื่น ๆ เช่น เหล็กแผ่นรีดร้อน (Hot-rolled), เหล็กแผ่นรีดเย็น (Cold-rolled) และเหล็กชุบสังกะสี (Galvanized Steel) รัฐบาลจะให้ความสำคัญกับการตอบสนองต่อแรงกดดันจากการนำเข้าก่อน จากนั้นจะพิจารณาปรับลดกำลังการผลิตอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในตลาด.

การรับมือด้านการค้า (Trade Responses): กระทรวงการค้า อุตสาหกรรม และพลังงานของเกาหลีใต้ระบุว่า รัฐบาลจะดำเนินการ “รับมืออย่างเป็นระบบต่ออุปสรรคทางการส่งออกในต่างประเทศ และการนำเข้าสินค้าในประเทศที่ไม่เป็นธรรม”

รัฐบาลจะจัดการหารือเกี่ยวกับ “ภาษีนำเข้าเหล็กของสหรัฐฯ ที่อัตรา 50%” และ “ข้อเสนอของสหภาพยุโรป (EU) ที่ต้องการปรับมาตรการปกป้อง (Safeguard) ให้เป็นระบบโควตาภาษี (Tariff-rate Quotas)”

นอกจากนี้ รัฐบาลจะส่งเสริมมาตรการเพื่อเพิ่มการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเชิงนโยบาย สำหรับบริษัทในอุตสาหกรรมเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดง และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง โดยจะจัดตั้ง “โครงการค้ำประกันเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานการส่งออกเหล็ก (Steel Export Supply Chain Strengthening Guarantee Product)” วงเงิน 400,000 ล้านวอน (ประมาณ 277.86 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และ “โครงการชดเชยเพิ่มเติมสำหรับอุตสาหกรรมเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดง และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง (Secondary Compensation Project)” วงเงิน 150,000 ล้านวอน

มาตรการตรวจสอบคุณภาพการนำเข้าเหล็ก ซึ่งได้ประกาศเมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา จะเริ่มบังคับใช้ในปี 2026 รัฐบาลยังมีแผน เสริมสร้างการบริหารศุลกากร เพื่อป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด (Antidumping Duties) ผ่านประเทศที่สามหรือเขตปลอดภาษี โดยจะมีการแก้ไขกฎหมายศุลกากร (Customs Act) โดยกำหนดให้มี การรายงานภาษีวัตถุดิบ และ ลดระยะเวลาคุ้มครองสิทธิบัตร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกำกับดูแล

การเปลี่ยนผ่านสู่การผลิตมูลค่าสูงและคาร์บอนต่ำ (Transitions): เพื่อสร้างตลาดในอนาคตสำหรับ เหล็กกล้าคาร์บอนพิเศษ (Special Carbon Steel) รัฐบาลจะจัดทำแผนที่นำทางด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D Roadmap) พร้อมให้การสนับสนุนมูลค่า 200,000 ล้านวอน เพื่อผลักดันให้เกาหลีใต้ให้มีเทคโนโลยีและศักยภาพการผลิตในระดับชั้นนำของโลก

อุตสาหกรรมเหล็กกล้าคาร์บอนพิเศษ (special carbon steel) ได้รับการคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 15 โครงการนำร่อง ภายใต้ “ยุทธศาสตร์การเติบโตทางเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ (New Government Economic Growth Strategy)”

ภายใต้แนวทาง การผลิตเหล็กคาร์บอนต่ำ (Low-carbon Steel Approach) รัฐบาลจะสนับสนุนการขยายความสามารถในการแข่งขันสีเขียว (Green Competitiveness) โดย

เดินหน้าจัดทำ มาตรฐานและระบบรับรองเหล็กคาร์บอนต่ำ (low-carbon steel standards and certification systems) และการวางรากฐานเพื่อสร้างความต้องการการใช้วัสดุเหล็กคาร์บอนต่ำในตลาดภายในประเทศ

รัฐบาลยังจะขยายการสนับสนุนเทคโนโลยี การผลิตเหล็กลดคาร์บอนด้วยไฮโดรเจน (Hydrogen Reduction Steelmaking) รวมถึงพัฒนามาตรการจูงใจเพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าถึงไฮโดรเจนสะอาดในราคาที่เหมาะสม โดยร่วมมือกับกระทรวงสิ่งแวดล้อมและกระทรวงที่เกี่ยวข้อง

เพื่อให้มั่นใจถึงความมั่นคงของ วัตถุดิบหลักสำหรับเตาหลอมไฟฟ้า (Electric Furnace) ได้แก่ เศษเหล็ก (Ferrous Scrap) รัฐบาลจะจัดทำ “แผนส่งเสริมอุตสาหกรรมเศษเหล็ก (Steel Scrap Industry Promotion Plan)” ร่วมกับกระทรวงสิ่งแวดล้อม

รัฐบาลจะพิจารณามาตรการ ให้ความสำคัญกับการใช้กระป๋องอะลูมิเนียมใช้แล้วภายในประเทศก่อนการส่งออก และเพิ่มการตรวจสอบการส่งออกเศษทองแดงผิดกฎหมาย โดยให้กรมศุลกากรเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการ

ความร่วมมือแบบได้ประโยชน์ร่วมกัน (Win-win Cooperation): กระทรวงฯ ระบุว่า “ในกระบวนการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม เช่น การปรับขนาดกำลังการผลิตและการเปลี่ยนผ่านสู่การผลิตคาร์บอนต่ำ ย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจท้องถิ่นในพื้นที่ที่พึ่งพาอุตสาหกรรมเหล็กเป็นหลักอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”

รัฐบาลจึงจะส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเหล็กและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะช่วย สร้างการจ้างงานในระยะสั้น และ เสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมเหล็กในระยะยาว ภายในเขตอุตสาหกรรมเหล็ก

ทั้งนี้ รัฐบาลตั้งเป้าให้แผนดังกล่าวเป็น “จุดเปลี่ยนสำคัญของอุตสาหกรรมเหล็กเกาหลีใต้” เพื่อรับมือกับวิกฤตเชิงโครงสร้างของอุตสาหกรรมอย่างเชิงรุก และผลักดันให้เกิดการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันในอนาคตอย่างยั่งยืน.


แหล่งที่มา : S&P Global Commodity Insights

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

The information in the above report, publication and website has been obtained from sources believed to be reliable. However, Iron & Steel Institute of Thailand does not guarantee the accuracy, adequacy or completeness of the information. Any opinions or forecasts regarding future events may differ from actual events or results. In addition, Iron & Steel Institute of Thailand reserves the right to make changes and corrections to the information, including any opinions or forecasts, at any time without notice.